top of page

สักครั้งในชีวิต...ที่ภูฏาน (Bhutan...exceptional experience)#1

  • #Journey.awaits
  • Oct 17, 2017
  • 2 min read

ถ้าเอ่ยถึงประเทศภูฏาน สิ่งที่คนไทยส่วนมากจะนึกถึงเป็นอย่างแรกคงจะเป็นกษัตริย์จิมี (Jigme Khesar Namgyel Wangchuck) กษัตริย์สุดหล่อที่ครองใจสาวไทย หลายๆคน แต่จริงๆแล้วมีใครรู้บ้างว่าประเทศภูฏานนั้นอยู่ที่ใด ประชากรหน้าตาเป็นอย่างไร ประเทศมีภูมิประเทศยังไง และมีความสำคัญอย่างไรในโลกนี้ วันนี้เราจะพามารู้จักประเทศเล็กๆแห่งนี้มากขึ้นและเสนอถึงเสน่ยที่ซ่อนเร้นอยู่ที่ยังไม่มีใครพบเห็น

ประเทศ Bhutan โดยรวมซื่งคนมักจะสับสนระหว่าง ภู-ตาน หรือ ภู-ฐาน ความจริงแล้วเป็น ภู-ตาน ประเทศนี้ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย ระหว่างประเทศจีน และประเทศอินเดีย มีประชากรอยู่ประมาณ 750,000 คน โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ทำให้ประเทศนี้เต็มไปด้วยผืนนา และพื้นที่การเกษตร

การเดินทางไปยังประเทศ Bhutan จากประเทศไทยมีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือผ่านทางน่านฟ้า และจะมีเพียงสายการบินของประเทศเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าไปได้ ในคราวนี้เราได้ใช้บริการของ Druk Air สายการบินนี้จะออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ในเวลา 4.30am และไปถึงเมือง Para, Bhutan ในเวลา 8.30am โดยรวมประมาณ 5ชั่วโมง เนื่องจากเวลาที่ Bhutan ช้ากว่าเรา 1ชั่วโมงเลยเหมือนได้เวลาเพิ่มมา 1ชั่วโมงของวันนั้น

ภาพของน่านฟ้าในยามเช้า

ระหว่างการเดินทางก็มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อยคือ เครื่องบินได้ลงจอดตอน 6.10am เราก็สงสัยว่าทำไมถึงเร็วเกินกำหนด สุดท้ายถึงได้รู้ว่าเครื่องต้องไปรับแวะคนที่ประเทศ บังกลาเทศ (Bangladesh) ก่อนถึงจะบินไปลงที่ Bhutan เกือบลงไปก่อนแล้วครานี้

ตอนลงต้องบินผ่านระหว่างเทือกเขา ต้องใช้นักบินที่มีความชำนาญมาก

บรรยากาศสนามบินที่ Para

เป็นสนามบินขนาดเล็กสามารถจอดเครื่องบินได้ไม่กี่ลำครับ

การเดินทางไปครั้งนี้ได้เดินทางไปเองไม่ได้ติดต่อผ่านบริษัททัวร์ในไทย แต่จะติดต่อกับทัวร์ที่ภูฏานโดยตรง เนื่องด้วยประเทศ Bhutan ยังเป็นประเทศที่ปิด การเดินทางไปเที่ยวในประเทศนักท่องเที่ยวกำหนดให้ต้องใช้จ่ายค่า Visa เป็นจำนวน $250 USD ต่อวัน ( ประมาณ 8,500บาท) ในช่วง peak season ในเดือน มีนาคมถึงพฤษภาคม และกันยายนถึงพฤศจิกายน จำนวน $200 USD ต่อวัน ( ประมาณ 6,800บาท) ในช่วง off season ราคานี้จะไม่รวมตั๋วเครื่องบินไปกลับและค่า Visa fee อีก $40 USD (1,360บาท) แต่ราคานี้ได้รวมค่า โรงแรม อาหารทุกมื้อ ค่าเข้าสถานที่เที่ยวต่างๆ รถโดยสาร และไกด์เอาไว้แล้ว พูดได้ว่า ไม่ต้องเสียอะไรเพิ่มอีกแล้วยกเว้นจะซื้อของฝากเพิ่มเติม

อาหารบินเครื่องระหว่างเดินทาง

พอไปถึงไกด์ที่นัดไว้ก็มารับที่สนามบิน การทำ Visa ไปเที่ยวเราต้องจ่ายเงินตามกำหนดให้ครบถ้วน เช่นถ้าไป 5วันช่วง Peak season ต้องจ่าง $1,250 USD หรือประมาณ 42,500บาท พร้อมทั้งสำเนา Passport และรูปถ่ายพื้นหลังสีขาว ส่งให้ทัวร์ของที่นั้น สถานทูตจะใช้เวลาประมาณ 6-14วันในการอนุมัติ หลังจากได้ Visa แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการท่องเที่ยวอีกเลย ไกด์และคนท้องที่จะดูแลดีมาก

การท่องเที่ยวกับไกด์ที่นั้นโดยตรงจะได้มีข้อดีกว่าที่ซื้อทัวร์ไปจากไทยตรงที่เราสามารถกำหนดกำหนดการเองได้ อยากอยู่ตรงไหนนาน ไม่ชอบตรงไหนรึอยากได้อะไรเราสามารถบอกเค้าได้หมด คนที่นั้นจะใจดีมากและดูแลเราเป็นอย่างดี พูดได้ว่าเหมือนเป็นทัวร์ตัวเองเลยก็ว่าได้ คนที่นั้นส่วนใหญ่สามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้มากกว่า 80% ของประเทศ ดังนั้นสำหรับผู้ที่พอสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง ไม่ต้องกังวลครับ

เครื่องบินได้ไปลงที่เมือง Paro, Bhutan หลังจากนั้นไกด์ได้ขับรถพาเราไปที่เมือง Thimphu ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ Bhutan ใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง ถึง1ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางจะผ่านที่นาและธรรมชาติสวยงาม

เมือง Thimphu เมืองหลวงของ Bhutan

เมื่อมาถึง Thimpu ก็ได้เชคอินเข้าโรงแรม ในครั้งนี้ได้พักที่ City Hotel เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวของที่นี่ บริการประทับใจ เมื่อเข้าไปจะต้อน

รับด้วย Welcoming tea ซึ่งเป็น Ginger Honey tea จะมีกลิ่นหอมผสมระหว่างขิงอ่อนๆและรสชาติหอมหวานของน้ำผึ้ง

อาหารมื้อแรกนี้จะกินกับแบบง่ายๆ ที่นี้จะนิยมกินผักและอาหารคลีนหรือปลอดสารกันเป็นส่วงใหญ่ แต่จะมีเมนูเนื้อที่คนนิยกกันเรียกว่า MOMO จะเป็นเนื้อห่อด้วยแป้งเกี้ยว เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี

ที่เมือง Thimphu จะมีจุดชมวิวหลายที่ด้วยกัน สถานที่หนึ่งในนั้นคือ ภูเขา Sangaygang จะเป็นจุดที่สามารถเห็นวิวเมืองได้ทั้งเมือง บนภูเขาจะมีการผูกผ้าหลากสีไว้มากมาย ผ้าเหล่านี้เป็นความเชื่อของคนในประเทศว่าเป็นการกระจายความสุขให้ประเทศ โดยสีต่างๆจะสื่อถึงธาตุทั้ง 5

อีกที่หนี่งถ้าไม่ไปถือว่ามาไม่ถึง Thimphu ก็คือ Buddha Dordenma statue เป็นพระพุทธรูปขนาด 51.5เมตร ถือเป็นหนึ่งในพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจะมีพุทธรูปรูปเล็กอยู่จำนวนถึง 125,000องค์

วิวและบรรยากาศมองออกมาก็สวยงามมากเช่นกัน

เนื่องจากประเทศภูฏานเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประเภณีที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าไทยเลย ทุกเทศกาลต่างๆจะมีการจัดแสดงงานประเภณีที่แตกต่างกันไปในแต่ละเมือง ยิ่งช่วงในช่วง Peak season ภูฏานจะมีจัดเทศกาลมากมาย เราต้องกำหนดวันเวลาดีๆเพื่อจะไปตรงเวลาเทศการนั้นๆ

Group of dancers in traditional Bhutanese clothing and masks at the Dechenphodrang Lhakhang monestary

Cr. bhutantourisms

Dochula Druk Wangyel Festival

Cr. bhutantourisms

Dance of the Ging and Tsholing. Thimphu tsechu, Bhutan.

Cr. bhutantourisms

เมือง Thimphu นี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของกษัตริย์ Jigme พระราชวังของท่านจะอยู่ไม่ไกลจากตัวเองและสถานที่ทำงานของท่าน ที่ Bhutan นี้จะนับถือศาสนาพุทธกันเป็นส่วนใหญ่ จะมีวัดวาอารามมากมาย สถานที่ทำงานและที่อยู่ของหัวหน้าพระแต่ละเมืองจะเรียกว่า ซอง (Dzong) โดยทั่วไป ซองจะถูกแบ่งเป็นที่ทำงานของรัฐบาลครึ่งหนึ่ง และของพระครึ่งหนึ่ง

วิวจาก Thimphu Dzong

Thimphu Dzong

Dzong ของเมือง Thimphu จะไม่สามารถเข้าไปชมได้ก่อนเวลา 5.30pm เนื่องจากปกติแล้วกษัตริย์จะทรงงานอยู่ที่นี้และเลิกงานหลังจากเวลา 5.30pm การแต่งกายถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต้องใส่เสื้อสุภาพ ขายาวและแขนยาว รองเท้าหุ้มส้น ถ้าเป็นคนพื้นเมืองที่ใส่เครื่องแต่งกายประจำชาติ ผู้ชายต้องมีผ้าพัน และผู้หญิงต้องมีผ้าคลุม

ถือโอกาศซื้อชุดของคนพื้นเมืองสะเลย

มาปิดท้ายทริปที่เมือง Thimpu กันด้วยร้านอาหารชื่อดังของที่นี้ ร้าน Zambala Restaurant เป็นร้านอาหารท้องถิ่นอีกที่ที่มีชื่อเสียงเรื่อง MOMO ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังจริงๆ รสชาติแตกต่างกับอีกร้านโดยสิ้นเชิง ที่นี้จะไม่รวมอยู่ในโปรแกรมแต่เราสามารถขอให้ไกด์พามาทานได้

Momo

Bhutan's Smoothy

บะหมี่ผัดกับเนื้อกรอบ

การที่ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศที่ประเทศ bhutan โดยตรงทำให้ความคิดในหลายๆเรื่องเกี่ยวกับประเทศนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลยนะครับ จากที่มั่นใจว่าต้องมาลำบากแน่ๆ ต้องกันดาลแน่ๆ แต่สิ่งที่ได้พบเจอจริงๆนั้นต่างกันเลย ถึงแม้ประเทศนี้จะยังไม่เจริญเท่าประเทศของเรา แต่ก็มีการเติบโตที่รวดเร็ว ประชากรทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและดูมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองมี นับว่าไม่เสียเที่ยวเลยที่ได้มาสัมผัสโดนตรงกับประเทศนี้ วันๆนี้แทบจะยิ้มไม่หุบเลยที่เดียวครับ :)

ยังไงขอจบกับทริปใน Thimphu เพียงเท่านี้ ในช่วงต่อไปจะพาไปชมเมืองหลวงเก่าของ Bhutan และมีชื่อเสียงเรื่องนาขั้นบันไดนะครับ

ติดตามผลงานอื่นได้ที่

FB : https://www.facebook.com/journeyawaits/

IG : Journey.awaits

Web : Journey-awaits.com

Opmerkingen


You Might Also Like:
About Us

Journey awaits is not a just traveling page. We are inspirer who love to encourage all to follow your own passion and dream. Do as you all wanna do. Join us on the new foot step you never thought of. If you have a dream, why not make it comes true. 

Journey Awaits...It's just another footprint in life. 

 

  • Facebook - Black Circle
  • Instagram - Black Circle
  • Pinterest - Black Circle
  • Google+ - Black Circle
  • YouTube - Black Circle

© 2023 by Going Places. Proudly created with Wix.com

bottom of page